หลายวันก่อนหน้านี้คุ้นเคยว่าจะมีใครบางคนหล่นประโยคสนทนามากระแทกหู...หัวข้อสุดเชยแต่ก็ยังคงความโรแมนติกข้ามยุคข้ามสมัย ว่าด้วยเรื่องเนื้อคู่หรือจะเรียกให้ฟังดูสมกับที่ได้เดินข้ามเส้นแบ่งเวลาหลายเส้นมาไกล ว่า soulmate นั่นเอง ... ประโยคสนทนาจบลงด้วยคำถามว่าคนๆนั้นของเรา(ผมกับเพื่อนรัก) กำลังหายใจ กินข้าว และนั่งมองดาวอยู่ที่ไหนซักที่นึงบนโลกใบนี้จริงๆ หรือ
อาจเป็นเพราะว่าที่ผ่านมาผมโดน(สิ่งที่ผมคิดเอาเองว่าเป็น)ความรักทำร้ายมาจนบอบช้ำทำให้ระดับความศรัทธาใน(สิ่งที่ผมคิดเอาเองว่าเป็น)ความรักหลงเหลืออยู่ในระดับต่ำมากๆ (แต่ยังคงเกาะกุมศรัทธาในความ"น่ารัก"ไว้อย่างเหนียวแน่น555) แม้ว่าอุมปาแห่ง 179 naglee จะพยายามหาแง่มุมดีๆ มากมายมาให้มองเพราะความโรคจิตส่วนตัวที่ชอบเห็นคนมีความรัก และไม่อยากให้ผมหลงเหลือแผลเป็นจากเรื่องแย่ๆในอดีตและเอามันมาทำร้ายอนาคต แต่ผมก็ยังกลัวอยู่ลึกๆอยู่ดีและรู้สึกว่ามันน่าเหนื่อยหน่ายทุกครั้งที่จะต้องมาเริ่มทำความรู้จักกับใครคนหนึ่งใหม่ๆไปเรื่อยๆ พยายามเรียนรู้กัน รู้ชื่อพ่อแม่ รู้อาชีพอากง แล้วที่สุดก็แยกย้ายกันไปด้วยความรู้สึกแย่ๆ ...
ผมว่าความรักมันเหมือนขโมยมืออาชีพ หลายต่อหลายครั้งเมื่อเราเผลอเรอหรือประมาทเมื่อไหร่ มันก็จะเข้ามาเงียบๆ กวาดเอาหนังสือเล่มโปรด หนังดีๆ ที่เก็บไว้ เกมที่ชอบเล่น ซีดีเพลงฮิต เมื่อเราบังเอิญเดินไปเจอมันเข้า มันก็จะลากเราไปจากวงสนทนาที่กำลังสนุกสนาน ฆาตกรรมความเป็นส่วนตัวของเราอย่างเลือดเย็น แล้วปล่อยให้เราต้องนอนทนพิษบาดแผลอยู่อย่างนั้นในขณะที่มันค่อยๆเดินจากไปอย่างลอยนวล ...
ภาพความรักในหัวผมเป็นอย่างนี้ ผมรู้ว่าอาจจะโดนต่อต้านจากคนบางคนที่กะลังอินกับ 100 เพลงรักไม่รู้จบของพี่บอยด์ แต่บทเรียนที่ผมจะจำไว้ให้ขึ้นใจก็คือ ถ้าคราวหน้าขโมยมันมาขึ้นบ้านผมอีก ผมจะต้องซ่อนสิ่งที่สำคัญที่สุดของผมไว้ในซอกมุมที่มิดชิดที่สุด อยากได้อะไรเท่าไหร่เอาไป จะแทงผมกี่แผลก็ได้... แต่อย่าหวังว่าจะได้สิ่งที่สำคัญที่สุดจากผมไปอีกเลย....
จำได้ว่าวันนั้นผมตอบเพื่อนผมไปว่าเดี๋ยวเราก็ต้องหากันจนเจอตามที่เพลงประโลมโลกกล่าวไว้... แต่ถ้ายังหาใครสักคนไม่เจอ...ในความคิดของผม ... แค่มุมประทับใจในร้านกาแฟเล็กๆกลางเมือง ทะเลหมอกยามเช้าบนยอดดอยหนาวเหน็บ หรือวันแดดจัดริมชายหาดบนเกาะกลางอันดามัน ถ้ามันทำให้รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ไปเยี่ยมเยือน อบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้ระลึกถึง มุมต่างๆเหล่านี่แหละที่ผมเชื่อว่าคือเนื้อคู่ที่ถูกสร้างมาเพื่อเรา ...
และถ้าจังหวะดีจริง ๆ คุณก็อาจจะเจอใครบางคนที่ชอบหลบมุมมาจิบกาแฟอุ่นๆ ชอบดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดดอย และมึความสุขกับการนั่งฟังเพลง bossanova เคล้าเสียงคลื่น ... ถ้าพบกันแล้วก็อย่าให้ปล่อยให้เขาเดินหายไปจนลับตาก็แล้วกัน...
เพราะเค้าคนนั้น อาจเป็นคำตอบของทุกคำถาม เป็นตัวตนที่มีอยู่จริง หายใจ กินข้าว และพร้อมจะนั่งกุมมือ มองดาวไปกับเราจนชั่วชีวิตก็ได้...
6 Comments:
ความรักไม่ใช่ขโมยมืออาชีพหรอก
ลองคิดดูว่า คนที่เปิดประตูให้ความรักเดินเข้ามาในบ้านน่ะ ใช่ตัวเองหรือเปล่า
หรือจะเถียงว่าแค่เปิดแง้มๆ ไว้ แล้วมันก็เข้ามาเอง?
แล้วตอนความรักยังอยู่ เวลาที่มันหยิบหนังสือบนโต๊ะ เอาซีดีออกมาจากลิ้นชัก ลากเราออกจากวงสนทนา ไม่เห็นมีใครบ่นซักคำ
แถมหน้าตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้มอีกตะหาก
ทีนี้พอมันหนีไป ก็ดันต่อว่าต่อขานมัน
เฮ้อ! คนเรา
ที่แอบเข้ามาอาจไม่ใช่ขโมยมืออาชีพ
...แต่อาจเป็นซานตาคลอสก็ได้นะ
เขียนได้ดี แต่กูก็แอบเห็นด้วยกะ lukasti (โหม่ง) นะ
เพราะจริงๆสิ่งที่ทำให้มึงรู้สึกแย่ๆกับความรักก็คือตัวมึงเองแล่ะอารมณ์เหมือนเพลง "ก้อนหินก้อนนั้น" มึงเคยฟังใช่ป่ะ..กูว่าบางทีคนเราถ้ามัวแต่ยึดติดดับความรักที่ผิดหวังอยู่ตลอดไป จากนี้ไปมึงคงจะไม่เห็นด้านที่ดีของมันอีก...ถ้าเราไม่ยึดติดกับมันมากเกิน..กูว่ามันคงทำอะไรเราไม่ได้มากหรอก...ถึงแม้ช่วงแรกจะเจ็บหน่อย..แต่มันก็จะดีขึ้นตามกาลเวลา...ยังไงก็ตามกูยังเชื่ออยู่เสมอว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม...
กูว่าตอนโจรเข้ามามึงก็รู้แหละ แล้วยังอยากให้เข้ามาด้วย กูเนแบบนั้นว่ะ555 หหมดตัวทุกทีเลย
เราให้เวลาอีก 1 อาทิตย์ ที่จะทำตัวเปื่อยๆ กินเหล้า แล้วก็บ่นถึงแต่อดีต และสิ่งที่คิดเอาเอง
แล้วมาเริ่มกันใหม่...
ที่ผ่านมา ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง มันก็เกิดขึ้นแล้ว และนัทต้องรับให้ได้ด้วย
เก็บแต่สิ่งดีๆไว้ดีกว่ามั้ย สิ่งไม่ดีก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะนะ
ทำตัวเองให้ดี คิดถึงตัวเอง อนาคต พ่อแม่ ครอบครัว และคนที่รักนัทได้แล้ว
แล้ววันนึง คนของเราจะมาเจอเราเอง เชื่อเราสิ
จาก ผู้มีประสบการณ์ อิอิ
เขียนดีจัง
cool ว่ะ dude
Post a Comment
<< Home